ทำไม Programmer ยุคนี้ แค่ Coding เป็นถึงไม่เพียงพอ?

เมื่อพูดถึงทักษะที่ อาชีพ Programmer ต้องมี หลายคนมักให้ทักษะการ Coding เป็นส่วนสำคัญของการทำงาน อาชีพ Programmer  ที่ต้องใช้ทักษะ Coding ในการสร้างคำสั่งหรือโค้ดที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจและปฏิบัติตามเพื่อให้โปรแกรมสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงใช้พัฒนาโปรแกรมให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งทักษะ Coding เป็นทักษะที่โปรแกรมเมอร์ต้องให้ความสำคัญอย่างแน่นอน แต่นอกจากทักษะ Coding แล้ว การทำงานในสายอาชีพ Programmer ยังต้องให้ควาามสำคัญในการทำงานระดับองค์กร ที่มีรูปแบบการทำงานเป็นทีม เน้นใช้ความร่วมมือหลายฝ่ายในการพัฒนา ซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชัน หากต้องการจะทำงานเป็น Programmer มืออาชีพในยุคนี้ แค่ Coding เป็น อาจจะไม่เพียงพอ ที่จะช่วยให้โปรแกรมเมอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น นอกเหนือจากทักษะ Coding แล้ว ยังมีทักษะอื่น ๆ ที่สำคัญไม่แพ้กัน

ทักษะที่จำเป็นของ Programmer มีอะไรบ้าง?

เพื่อให้ Programmer สามารถทำงานที่ซับซ้อน และร่วมมือกับหลายฝ่ายในการพัฒนา ซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชันได้ Programmer จำเป็นต้องมี 3 ทักษะสำคัญ คือ

  • Programming skill
  • Soft skill
  • Working skill

1. Programmer Skill ของโปรแกรมเมอร์

ทักษะ Programming Skill ของโปรแกรมเมอร์ที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาโปรแกรมและการทำงานในอาชีพ Programmer ประกอบไปด้วย

1. ทักษะการเขียนโปรแกรม (Coding Skill)

ที่โปรแกรมเมอร์ต้องมี เพื่อให้สามารถเขียนคำสั่ง Coding ได้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ รวมถึงใช้ในการทำความเข้าใจและปรับปรุง Code ที่มีอยู่ เพื่อพัฒนาหรือต่อยอดตามความต้องการของธุรกิจที่เพิ่มขึ้นและเปลี่ยนไปได้

2. ภาษาที่ใช้เขียนโปรแกรม (Programming Languages)

เนื่องจากภาษาที่ในการเขียนโปรแกรม จะถูกกำหนดโดยองค์กร ซึ่งจะเลือกใช้ภาษาในการเขียนโปรแกรมที่แตกต่างกันออกไป เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจขององค์กร ดังนั้นการมีความรู้และทักษะในภาษาการเขียนโปรแกรมที่หลากหลายจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับโปรแกรมเมอร์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำงานร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ได้

โปรแกรมเมอร์จำเป็นต้องรู้ภาษาโปรแกรมอย่างน้อย 1 ภาษา ภาษาโปรแกรมที่นิยมใช้ในปัจจุบัน เช่น Java, JavaScript, Python, C++, C#, Go, PHP, Ruby, Swift

3. การออกแบบและวิเคราะห์อัลกอริทึม (Algorithm Design and Analysis)

โปรแกรมเมอร์ต้องมีความเข้าใจในเรื่องโครงสร้างข้อมูล เพื่อให้สามารถออกแบบและวิเคราะห์อัลกอริทึมได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถออกแบบ Logic ที่ใช้ในการตัดสินใจและระบบทำงานได้ถูกต้องครบถ้วน

4. การจัดการฐานข้อมูล (Database Management)

เนื่องจากข้อมูลในระบบมีจำนวนเยอะมาก หากโปรแกรมเมอร์ มีความรู้และความสามารถในการจัดการฐานข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะช่วยให้จัดเก็บข้อมูลและเรียกข้อมูลมาแสดงผลให้ผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

5. การทดสอบและดีบัก (Testing and Debugging)

หากโปรแกรมเมอร์สามารถทดสอบและดีบักโค้ด เพื่อหาและแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ก็จะช่วยลดความเสียหายที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจได้ และยังสามารถช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น

6. ความรู้และการใช้ API (API Knowledge and Usage)

เป็นทักษะที่สำคัญสำหรับโปรแกรมเมอร์ในยุคปัจจุบัน เนื่องจาก API ช่วยให้โปรแกรมเมอร์สามารถเชื่อมต่อและใช้งานบริการหรือข้อมูลจากภายนอกระบบ เข้ามาร่วมประมวลผล ทำให้ระบบที่พัฒนามีประสิทธิภาพตอบโจทย์ธุรกิจได้มากขึ้น

7. ความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ (Software Security)

หากซอฟต์แวร์ ไม่มีแนวทางรักษาความปลอดภัย หรือเกิดช่องโหว่ จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก โปรแกรมเมอร์ จึงต้องให้ความสำคัญและไม่ละเลยเรื่องความปลอดภัย

2. Soft Skill ของโปรแกรมเมอร์

Soft Skill ของโปรแกรมเมอร์ มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าทักษะด้าน Programming Skill เพราะช่วยในการทำงาน ทั้งด้านมุมมอง การคิดวิเคราะห์ การแก้ไขปัญหา การจัดการอารมณ์ และการจัดการความสัมพันธ์ ช่วยให้การทำงานที่ซับซ้อน การร่วมงานกับหลายฝ่ายได้อย่างราบรื่น ตรงตามเป้าหมาย ซึ่งโปรแกรมเมอร์ควรมี Soft Skill ดังนี้

1. การเผชิญและรับมือกับปัญหา (AQ)

บ่อยครั้งที่โปรแกรมเมอร์มักจะเจอกับปัญหาที่ไม่คาดคิด หรือตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องทำงานภายใต้แรงกดดันและสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน หากโปรแกรมเมอร์มีความสามารถในการปรับตัวและรับมือกับความท้าทายหรือปัญหาที่เกิดขึ้นในที่ทำงานได้ดี ก็จะช่วยให้สามารถทำงานได้ดีอยู่เสมอ

2. การจัดการอารมณ์ (EQ)

หากมีความสามารถในการเข้าใจและจัดการกับอารมณ์ของตนเองและผู้อื่นได้ดี จะช่วยเกิดการมีสัมพันธ์ที่ดีร่วมกัน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น และสร้างผลงานร่วมกันได้ดีมากยิ่งขึ้น เรียกว่า การจัดการอารมณ์ เป็นอีกหนึ่งทักษะที่ Programmer ต้องมี

3. การคิดเชิงตรรกะ (Logical)

เป็นทักษะที่จำเป็นของ Programmer ที่จะช่วยให้โปรแกรมเมอร์สามารถวิเคราะห์ปัญหา แยกแยะองค์ประกอบของปัญหา และหาวิธีแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น การมีทักษะการคิดเชิงตรรกะจึงเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้โปรแกรมเมอร์สามารถพัฒนาโปรแกรมที่มีคุณภาพได้

4. ความเข้าใจวัตถุประสงค์ (Objective Comprehension)

ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ หรือแอปพลิเคชัน โปรแกรมเมอร์ต้องให้ความสำคัญกับวัตถุประสงค์ของงาน เพื่อให้สามารถพัฒนาโปรแกรมออกมาได้มีคุณภาพและตรงตามความต้องการของลูกค้า

5. การสะท้อนความเข้าใจ (Self-Reflection)

การสะท้อนความเข้าใจจะช่วยให้ Programmer สามารถทบทวน และพิจารณาตนเองได้ ทำให้รู้ จุดแข็ง และจุดอ่อนของตัวเอง หรือ จุดแข็ง จุดอ่อนของงานที่ทำไว้ทำให้สามารถพัฒนาทั้งตัวเอง และคุณภาพงานได้ดีขึ้น

6. การรับรู้ปัญหา (Problem Identify)

โปรแกรมเมอร์ เปรียบเสมือนผู้ใช้งานคนแรกของระบบ หากโปรแกรมเมอร์สามารถตรวจสอบและระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ก่อนนำไปใช้งานจริง ก็จะช่วยให้สามารถแรับปรุงและผลิตผลงานที่มีคุณภาพ และตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ดีมากยิ่งขึ้น

7. การแก้ไขปัญหา (Problem Solving)

งานโปรแกรมเมอร์ เป็นงานที่ต้องอยู่กับการแก้ไขปัญหาตลอดเวลา จะต้องเจอทั้งปัญหาเล็ก ๆไปจนถึงปัญหาที่ซับซ้อน ซึ่งการแก้ปัญหาไม่ได้มีสูตรสำเร็จตายตัว โปรแกรมเมอร์ต้องใช้ทักษะการคิดวิเคราะห์ ประเมินสถานการณ์ เลือกเครื่องมือที่เหมาะสม และปรับมุมมองเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับงานที่ตัวเองพัฒนาอยู่เสมอ

8. การสื่อสาร (Communication)

ทักษะการสื่อสารเปรียบเสมือนสะพานเชื่อม ที่เชื่อมต่อโปรแกรมเมอร์กับบุคคลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า ลูกค้า หรือผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโค้ดให้อ่านง่าย เพื่อให้การดูแลระบบในอนาคตนั้นสะดวก การอธิบายงานให้ผู้อื่นเข้าใจง่ายทั้งหัวหน้า เพื่อนร่วมงานหรือลูกน้อง และการสื่อสารกับทีมงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้การทำงานเป็นทีมราบรื่น

9. การนำเสนอ (Presentation)

เป็นหนึ่งทักษะที่โปรแกรมเมอร์จำเป็นต้องมี เพราะหลายครั้งที่โปรแกรมเมอร์จะต้องอธิบายงานที่ซับซ้อนทางด้าน coding ให้กับลูกค้า หรือผู้ที่ไม่มีพื้นฐานโปรแกรมเมอร์เข้าใจ ดังนั้นทักษะการนำเสนอที่ดีจะช่วยให้โปรแกรเมอร์สามารถสื่อสารแนวคิด แผนงานได้ราบรื่น และช่วยให้พัฒนางานได้มีคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าได้

3. Working Skill ของโปรแกรมเมอร์

นอกจาก Programming Skill และ Soft Skill แล้ว การพัฒนาซอฟต์แวร์เชิงองค์กร ที่มีกระบวนการซับซ้อนและต้องการความร่วมมือรวมถึงการประสานงานกันระหว่างทีมและฝ่ายอื่น ๆ ในองค์กรอย่างเป็นระบบ Programmer จำเป็นต้องใช้ทักษะ Working Skill เหล่านี้ในการทำงานด้วยเช่นกัน

1. ทักษะการทำงานแบบทีม ด้วย GIT

การทำงานแบบทีมด้วย GIT ช่วยให้โปรแกรมเมอร์หลายคนที่ทำงานคนละส่วนย่อย ๆ สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการทับซ้อนของ Code  และสามารถย้อนกลับไปยังเวอร์ชันก่อนหน้าได้หากเกิดข้อผิดพลาด

2. ทักษะการทำงานร่วมกันและบริหาร Source Control ผ่าน GIT

การทำงานร่วมกันผ่าน GIT ช่วยให้โปรแกรมเมอร์สามารถรวมโค้ดจากสมาชิกทีมหลายคน (Merge Code)ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดและป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการรวมโค้ดที่ไม่ตรงกัน (Conflict) รวมถึงส่งเสริมการทำงานร่วมกันหลายทีม ในการปรับปรุงแก้ไขระบบซอฟแวร์ ให้ตอบโจทย์ธุรกิจ สามารถแยก Git Branch เพื่อบริหารจัดการได้ง่ายลดความผิดพลาด

3. ทักษะการทำงานกับทีมแบบ Agile Framework

รูปแบบการทำงานร่วมกันของ Programmer เพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เน้นการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงหรือความต้องการได้อย่างรวดเร็ว และยังช่วยให้ทีมสามารถส่งมอบซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพสูง ตรงตามความต้องการของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง

4. ทักษะการทำงานกับทีมแบบ Sprint

Sprint เป็นการทำงานรูปแบบหนึ่งของ Agile Framework ที่ช่วยให้ Programmer สามารถปรับปรุงและปรับตัวตาม feedback ได้อย่างรวดเร็ว โดยการแบ่งงานออกเป็นส่วนย่อย ๆ มุ่งเน้นไปที่เป้าหมายที่ชัดเจนและสามารถส่งมอบงานได้ในระยะเวลาสั้น ๆ

สรุป

ทักษะที่จำเป็นของ Programmer ควรให้ความสำคัญ เพื่อให้เป็น Programmer มืออาชีพที่มีทักษะ และทัศนคติในการทำงานซับซ้อนและทำงานร่วมมือกับหลายฝ่ายในการพัฒนาซอฟต์แวร์หรือแอปพลิชันได้อย่างมีคุณภาพ เพียงมีครบทั้ง 3 ทักษะนี้ คือ

  • Programming Skill
  • Soft Skill
  • Working Skill

และหากใคร ที่อยากเป็นโปรแกรมเมอร์มืออาชีพ แต่ไม่มั่นใจว่าทักษะที่มีเพียงพอต่อการทำงานโปรแกรมเมอร์ สามารถ ทดสอบความพร้อมกับ The Ladder เพื่อเป็น แนวทางพัฒนา 3 ทักษะ Programmer ได้ รวมถึงช่วยให้เข้าใจระดับทักษะปัจจุบันของคุณเองต่อทิศทางการได้งานเป็นโปรแกรมเมอร์มืออาชีพ

แสดงความคิดเห็น

Shopping Cart